นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท ที.ลอจิคอล เรสโซลูชั่น จำกัด

เลขที่: TLO2022020

วันมีผลบังคับใช้: 1 เมษายน 2565

1. กล่าวนำ

บริษัท ที.ลอจิคอล เรสโซลูชั่น จำกัด (ต่อไปจะเรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทาง บริษัทจึงได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัท แนวปฏิบัติ รวมทั้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทนี้ (“นโยบาย”) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อช่วยชี้แจงให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562

2. ขอบเขตการบังคับใช้

นโยบายนี้ใช้บังคับกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกที่บริษัทมีปฏิสัมพันธ์ด้วยอำนาจหน้าที่ การดำเนินธุรกรรม และพันธกิจของบริษัท รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทและการจัดซื้อจัดจ้าง โดยรวมถึง

  • ลูกค้าบุคคลธรรมดา (รวมถึงผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคต บุคคลอื่นที่มีปฏิสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ / บริการของบริษัท และ/หรือบุคคลที่มีความประสงค์จะเข่ามาร่วมงานกับบริษัทโดยการเป็นพนักงานของบริษัท)
  • พันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
  • บุคคลผู้มีอำนาจดำเนินการแทน ผู้แทนนิติบุคคล กรรมการ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ตัวแทน บุคคลากร บุคคล ผู้ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินความสัมพันธ์ทางธุรกิจและบุคคลอื่นใดที่มีฐานะทำนองเดียวกัน (เรียกรวมว่า “บุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล”)
    • นิติบุคคลที่เป็นลูกค้าของบริษัท (รวมถึงนิติบุคคลผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคต และ/หรือ นิติบุคคลอื่นที่มีธุรกรรมเกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ / บริการของบริษัท)
    • นิติบุคคลที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
    • หน่วยงานของรัฐที่ขอรับการสนับสนุนจากบริษัท
  • บุคคลอื่น ๆ เช่น ผู้รับมอบอำนาจ ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล หรือผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการจากบริษัท (ผู้ได้รับรางวัล ผู้รับบริจาค ฯลฯ) ผู้ร้องเรียน
  • บุคคลที่สาม เช่น คู่สมรส (ทั้งที่จดและไม่ได้จดทะเบียนสมรส) บุตร บุพการี ผู้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน บุคคลที่ถูกระบุในบัญชีเครือญาติ ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง บุคคลอ้างอิง ผู้มีกรรมสิทธิ์หรือถือสิทธิครอบครองในที่ดิน คู่กรณี ผู้รับโอนเงิน รวมทั้งบุคคลอื่นใดตามเอกสารการทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบริษัท และเอกสารจากทางราชการ (เช่น พยาน ผู้รับเงิน เจ้าหน้าที่ บุคคลที่ปรากฎในทะเบียนบ้าน)
  • บุคคลอื่นใดที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ในนโยบายฉบับบนี้ซึ่งติดต่อหรือทำธุรกรรมกับบริษัทประการอื่น

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน: บริษัทอาจเก็บรวบรวม รักษาและใช้ข้อมูลประเภทต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับการติดต่อสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท สายงานที่ท่านทำงาน หรือสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงหมวดหมู่และประเภทดังต่อไปนี้

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลรายละเอียดตัวอย่าง
ข้อมูลระบุตัวตนเช่น คำนำหน้าชื่อ ยศ / ตำแหน่ง ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น รูปถ่าย
ข้อมูลเพื่อการติดต่อเช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล และชื่อบัญชีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลออนไลน์ข้อมูลเชิงเทคนิค
ข้อมูลที่เก็บผ่านอุปกรณ์
เช่น ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ของบริษัท, ที่อยู่ไอพี (IP Address),ที่อยู่แมค (MAC address)
และคุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
บันทึกผู้เข้าชมเว็บไซด์ (Log files) ซึ่งรวมถึงข้อมูล
เชิงเทคนิคอื่น ๆ เช่น (Internet Traffic, User information, Log)
ข้อมูลอื่น ๆเช่น ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท
โดยสมัครใจ หรือที่บริษัทได้รับมาจากบุคคล นิติบุคคล
หรือหน่วยงานภายนอก

4. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ตามที่ได้ชี้แจงไว้ด้านล่างโดยอาศัยฐานตามกฎหมายดังต่อไปนี้

  1. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญากับท่าน
  2. เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
  3. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลภายนอก โดยมีความสมดุลกับประโยชน์และสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  4. เพื่อการติดต่อประสานงานกับตัวท่าน
  5. เพื่อประโยชน์สาธารณะ สำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
  6. เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และ/หรือความยินยอมของท่าน

ทั้งนี้ เฉพาะวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทเท่านั้นที่จะมีผลใช้บังคับกับท่าน โดยบริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่ท่านได้ให้ไว้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

วัตถุประสงค์รายละเอียด
การติดต่อสื่อสารเช่น เพื่อติดต่อสื่อสาร และประสานงาน เพื่อจัดส่งข้อมูลเอกสาร เพื่อใช้ข้อมูลประกอบการประชาสัมพันธ์ เพื่อใช้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน เพื่อการแจ้งผลคำขอใช้ผลิตภัณฑ์/บริการ
เพื่อการตรวจสอบและดำเนินการทางการตลาดเช่น การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า การบันทึกข้อมูลลงในระบบ การจัดการงานเอกสาร การตรวจสอบข้อมูลลูกค้าเพื่อการป้องกัน การรับมือ หรือการลดความเสี่ยงจากเหตุทุจริตและฉ้อโกง หรือการกระทำอื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย การเฝ้าระวัง วิเคราะห์และตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติ การวิเคราะห์ข้อมูล การให้คำแนะนำและคำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์/บริการของบริษัท การนำเสนอผลิตภัณฑ์/บริการผ่านช่องทางต่าง ๆ การแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์และการจัดกิจกรรมทางการตลอดของบริษัท การเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม การส่งมอบของรางวัลจากกิจกรรม การศึกษาความต้องการและการดำเนินการส่งเสริมการขายให้ตรงกับความต้องการ และ/หรือ กิจกรรมส่งเสริมการขายอื่น ๆ
การบริหารงานและการจัดการเช่น เพื่อการจัดทำฐานข้อมูลพันธมิตรทางธุรกิจและบุคคลากรของพันธมิตรทางธุรกิจ การบันทึกข้อมูลลงระบบ การจัดการงานเอกสาร เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานเพื่อการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์/บริการ หรือกระบวนงานภายในของบริษัท การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การศึกษาความต้องการเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ การประเมินผลผลิตภัณฑ์/บริการ การดูแล จัดการ พัฒนา และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์ เครื่องมือ ระบบติดต่อสื่อสาร แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ แอปพลิเคชั่น เว็บไซด์ และระบบความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการร่วมมือกับองค์กรภายนอกและ/หรือบุคคลที่สาม
การบริหารงานและจัดการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเช่น เพื่อดูแล จัดการ พัฒนา และรักษาความมั่นคงปลอดภัย ระบบปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์ เครื่องมือ ระบบ ติดต่อสื่อสาร แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และ ระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการเก็บ บันทึก Audit Log ผู้เข้าใช้หรือแก้ไขระบบงาน
การปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและนโยบายต่าง ๆเช่น เพื่อการปฏิบัติตามข้อบังคับ กฎ ระเบียบ คำสั่ง นโยบายและแนวทางของบริษัท เพื่อเป็นการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ คำสั่ง และแนวทางของหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหรือหน่วยงานกำกับดูแล ที่มีผลบังคับใช้เพื่อการรายงานหรือแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหรือผู้บังคับใช้กฎหมาย
การป้องกัน หรือ ระงับอันตรายเช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของ บุคคล

ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในนโยบายนี้บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบและอาจขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอม และหากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะทำการบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล: บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่กรณีที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านเฉพาะเท่าที่จำเป็น ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งไว้ใน ข้อ 4.

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นที่ท่านจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือเพื่อต้องเข้าทำสัญญากับบริษัท บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อน และจะแจ้งผลกระทบหากท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลแก่บริษัท บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่ได้รับจากท่านโดยตรง เว้นแต่กรณีที่บริษัทได้แจ้งท่านถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาอื่น และได้รับความยินยอมจากท่านแล้ว หรือเป็นการเก็บรวบรวมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธ์ุ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อท่านในทำนองเดียวกันตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บัญญัติให้กระทำได้

การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล: บริษัทจะไม่ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านก่อนที่จะได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นข้อมูลของท่านที่เก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และในกรณีที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกนั้น บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกนั้นจะต้องแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัททราบก่อน และจะต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท รวมถึงบริษัทจะดำเนินการให้บุคคลภายหรือนิติบุคคลภายนอกนั้นทราบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นอย่างจำกัด อีกทั้งจะต้องสงวนรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับตามมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ตลอดจนต้องผูกพันรับผิดชอบตามกฎหมายที่มีผลใช้บังคับ

ทั้งนี้ บุคคล หรือนิติบุคคล หน่วยงานราชการ ที่บริษัทอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมี ดังนี้

  1. พันธมิตรทางธุรกิจ
  2. ผู้ให้บริการภายนอก
  3. หน่วยงานของรัฐ

ในกรณีที่บริษัท ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์

ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตราฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 28 (1) – (6)

ในกรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซด์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่น ๆ ของบริษัท บริษัทอาจทำการตรวจสอบถึงพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูล และใช้บริการระบบเชื่อมโยงข้อมูล โดยส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัทนั้น บริษัทอาจใช้ระบบ “คุกกี้” (cookie) ในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของคำขอของผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ “คุกกี้” คือข้อมูลที่ได้ส่งจากเว็บไซด์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่น ๆ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เข้าเยี่ยมชม ในขณะที่ผู้เข้าเยี่ยมชมนั้นกำลังเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท โดย “คุกกี้” นั้นจะได้รับการกำหนดโดยบริษัท และจะสิ้นผลลงภายหลังจากการเชื่อมโยงข้อมูลในส่วนของธนาคาร “คุกกี้” ดังกล่าว อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลบางประเภทซึ่งอาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม ท่านมีสิทธิที่จะไม่รับการเชื่อมต่อคุกกี้ได้ โดยสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ได้ในเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่าน แต่การปฏิเสธไม่รับการเชื่อมต่อคุกกี้อาจส่งผลกระทบให้การทำงานบางอย่างบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่น ๆ ของบริษัทอาจไม่ถูกต้อง หรือประสิทธิภาพเท่าที่ควร อนึ่งหากท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่น ๆ ของบริษัท โดยใช้โปรแกรมสืบค้น (Search engine) โปรแกรมสืบค้นดังกล่าวอาจจะมีการใช้งานคุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลของท่าน บริษัทจึงแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดโดยโปรแกรมสืบค้นดังกล่าวด้วย

การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษา: บริษัทจะดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างดี โดยบริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพ ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความ ถูกต้องครบถ้วน และสภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ เปิดเผย หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทได้จัดให้มีมาตรการควบคุมการเข้าถึงที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทยังได้วางมาตรการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์ สำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดสิทธิเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ และบริหารจัดการการเข้าถึงเพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้มีสิทธิเท่านั้น และกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนอกจากนี้ ยังรวมถึงการวางมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอน ข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การทำลาย: บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้ทราบในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้โดยบริษัทจะจัดให้มีการตรวจสอบเป็นวงรอบปีละ 1 ครั้งเพื่อให้สามารถดำเนินการลบหรือ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามที่ท่านร้องขอตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด หรือที่ท่านได้ถอนความยินยอมแล้วตามเงื่อนไขทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลานานกว่านั้นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับ ตลอดจนการปฏิบัติตามนโยบายภายในของบริษัท และตามความจำเป็นอื่น ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย

6. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิของท่านเป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ก่อน หรือในขณะ หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ ขั้นตอน วิธีการตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)

สิทธิในการขอเข้าถึง ขอรับข้อมูลหรือสำเนาข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง หรือรับ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาอย่างไร

สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่กฎหมายให้อำนาจบริษัทในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน

สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทไม่ดำเนินการตามคำร้องขอ บริษัทจะบันทึกคำร้องขอของท่านพร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์

สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านที่เป็นเจ้าของได้ ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  2. เมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
  3. เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามกฎหมาย
  4. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ
  2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
  3. เมื่อข้อมูลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  4. เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตามกฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่

สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินตามสิทธิข้างต้น โดยบริษัทจะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอพร้อมเหตุผลและข้อมูลประกอบคำขอต่าง ๆ รวมถึงเอกสารหลักฐานประกอบจากท่านครบถ้วน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิในการขยายเวลาดังกล่าวออกไป หากบริษัท ได้รับข้อมูลไม่เพียงพอในการประกอบการดำเนินการ ทั้งนี้การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายและข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านโดยชอบด้วยกฎหมายได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล การใช้สิทธิละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น ซึ่งเมื่อบริษัทปฏิเสธคำขอใช้สิทธิของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบ

7. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือปรับปรุง หรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลล่วงหน้าก่อนบังคับใช้จริง ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งเตือนให้ท่านทราบ หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อท่าน และอาจขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่ต้องได้รับ ความยินยอมที่จำเป็นและตามที่กฎหมายกำหนด ในการนี้บริษัทขอให้ท่านโปรดตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นระยะ เพื่อตรวจดูการแก้ไขหรือปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้

8. ข้อมูลของผู้ควบคุมข้อมูล

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางดังนี้

รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูล
ชื่อ : บริษัท ที.ลอจิคอล เรสโซลูชั่น จำกัด
สถานที่ติดต่อ : 898 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240
ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์ 061-4492416
อีเมล support@tlogical.com

รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ : หัวหน้าคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ : 898 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240
ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์ 084-6642266
อีเมล sirawit@tlogical.com

ประกาศ ณ วันที่  1 เมษายน 2565